พวกเราหลาย ๆ คนคงคุ้นเคยกับโฆษณาตามนิตยสารและโทรทัศน์เชิญชวนให้เลือกซื้อสบู่หรือโลชั่นเพื่อเช็ดล้างทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกาย โดยมีนางแบบสวย ๆ ผิวใส ๆ มาอวดโฉมทำให้เราเคลิบเคลิ้มไปว่าหากใช้แล้วจะต้องสวยแบบนั้นแน่ ๆ... 

 

         ส่วนประกอบของสบู่และโลชั่นเหล่านั้น บางครั้งก็บอกว่าเป็นสูตรลับเฉพาะ เป็นนวตกรรมใหม่ ใช้เทคโนโลยีล่าสุด ซึ่งก็ยิ่งทำให้น่าสนใจ น่าซื้อมาใช้ แต่ความจริงเกี่ยวกับสบู่ โลชั่น และครีมล้างหน้าเหล่านี้ มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับเราในการตัดสินใจเลือกใช้มากกว่าการเชื่อตามคำโฆษณา...

 

ประเภทของสบู่

 

    1. สบู่ทั่วไป (Basic Toilet Soaps)

       เป็นสบู่ที่ผลิตจากเกลือของไขมันสัตว์หรือพืช เพื่อใช้ทำความสะอาดร่างกาย บางครั้งมีการใส่น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันปาล์ม เพื่อทำให้สบู่มีฟองมากและดูน่าใช้ขึ้น สบู่ที่กล่าวมานี้เป็นสบู่ที่ใช้กันทั่วไปตามห้องน้ำ มักมีฤทธิ์เป็นด่าง เมื่อคุณใช้สบู่ประเภทนี้อาบน้ำ ล้างหน้า ก็ย่อมทำให้สิ่งที่อยู่บนผิวหนังของคุณ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง เครื่องสำอาง ไขมัน แบคทีเรีย เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ขี้ไคล เหงื่อ รวมทั้งความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิวคุณ ถูกทำลายไปด้วย ทำให้ผิวดูเหมือนสะอาด ไม่มีความมันตกค้าง แห้ง ตึง แต่ระยะยาวผิวจะค่อย ๆ กร้านขึ้นเรื่อย ๆ

 

    2. สบู่ที่มีไขมันสูง (Superfatted Soaps)

      สบู่ชนิดนี้มีน้ำมันและไขมันผสมอยู่ในปริมาณที่สูงกว่าสบู่ทั่วไป ไขมันและน้ำมันที่นิยมใช้ผสม ได้แก่ ลาโนลิน น้ำมันมะกอก เนยโกโก้ ไขมันชนิดที่เป็นกลางและโคลด์ครีม การผสมน้ำมันและไขมันเข้าไปในสบู่ชนิดนี้ช่วยป้องกันไม่ให้สบู่ทำให้ผิวพรรณของคุณแห้งจนเกินไป สบู่ไขมันสูงจะมีทั้งคุณสมบัติในการขจัดไขมันที่อยู่ที่ผิวหนัง (นั่นคือทำให้ผิวแห้ง) ควบคู่ไปกับการเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังด้วยน้ำมันและไขมันในสบู่ (นั่นคือมีผลเหมือนครีมให้ความชุ่มชื้น) สบู่ชนิดนี้จึงเหมาะกับคนที่มีผิวแห้งมากจริง ๆ มิฉะนั้นใช้แล้วอาจมีสิวขึ้นได้

 

    3. สบู่ใส (Transparent Soaps)

      สบู่ใสนี้มีลักษณะคล้ายสบู่ที่มีไขมันสูง นั่นคือจะมีไขมันผสมอยู่มาก มักมีส่วนผสมของน้ำมันละหุ่งสูง สบู่ชนิดนี้เหมาะสำหรับผิวที่แห้งและไวต่อการแพ้ นอกจากนั้นก็มีการเติมกลีเซอรีน แอลกอฮอล์ และน้ำตาลลงไปในเนื้อสบู่ เพื่อทำให้เนื้อสบู่ใสและอ่อนนุ่ม สบู่ชนิดนี้มักมีราคาสูง ข้อเสียของสบู่ชนิดนี้คือ มักไม่ค่อยมีฟอง และมักละลายง่ายในจานรองสบู่ จึงไม่ควรวางสบู่ประเภทนี้ไว้ในจานรองสบู่ ควรผึ่งลมให้แห้ง 

 

    4. สบู่ไร้ฟอง (Soapless Soaps)

      สบู่แบบนี้มีส่วนประกอบเป็นสารสังเคราะห์ดีเทอร์เจนท์ จากน้ำมันปิโตรเลียม นักเคมีทางด้านเครื่องสำอางได้พยายามปรับปรุงคุณสมบัติของสบู่สังเคราะห์ประเภทนี้ ให้มีความเป็นด่างน้อย และระคายเคืองต่อผิวหนังน้อยลง สบู่ชนิดนี้ไม่ค่อยมีฟองซึ่งแม้จะมีฟองน้อยก็สามารถทำความสะอาดได้ดีมาก แต่ก็มักทำให้ผิวแห้งได้ ดังนั้นเวลาล้างหน้าจึงไม่ควรถูหน้าฟอกหน้าแรง ๆ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวหน้าของคุณแห้งมากขึ้น

 

    5. ครีมและโลชั่นสำหรับทำความสะอาดใบหน้า (Cleansing Cream & Lotions) 

        ครีมทำความสะอาดผิวหน้า (Cleansing Creams) ก็คือ โคลด์ครีม (Cold Cream) ที่ใช้กันโดยทั่วไป โดยมีการผสมส่วนประกอบอื่น ๆ เพิ่ม เพื่อทำให้เนื้อครีมมีคุณสมบัติบางอย่างเพิ่มขึ้นและดึงดูดความสนใจ ทำให้น่าใช้มากยิ่งขึ้น ครีมล้างหน้านั้นเหมาะกับคนที่มีผิวแห้งและผิวบอบบางที่ไวต่อการระคายเคือง วิธีใช้ก็คือ ทาครีมลงบนผิวหน้า วนให้ทั่ว แล้วใช้สำลีชุบน้ำเช็ดออก (หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษทิชชูเนื่องจากเนื้อกระดาษหยาบและไม่สะอาดพอ) ครีมล้างหน้าที่ดีจะต้องมีเนื้อครีมบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ อย่างไรก็ตามหากคุณใช้ครีมล้างหน้าแล้วยังรู้สึกว่ามีความมันตกค้างอยู่ควรเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เพราะอาจทำให้สิวขึ้นได้ ยิ่งถ้าคนที่มีผิวมันหรือเป็นสิวง่ายมาใช้ ก็จะยิ่งเป็นสิว และผิวมันมากขึ้น 

        หลาย ๆ คนพอใช้ครีมล้างหน้าแล้วยังมีความมันตกค้าง ก็มักจะใช้น้ำยาทำความสะอาดผิวหน้า Toning Solution หรือใช้สบู่แรง ๆ ฟอกขัดหน้า ซึ่งยิ่งทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคืองมากขึ้น และเป็นการทำลายความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิว

 

สบู่ที่ควรระวัง

 

     1. สบู่ที่มีส่วนผสมของผลไม้ ผัก และสมุนไพร (Fruit, Vegetable & Herbal Soaps)

       สบู่พวกนี้คือสบู่หรือดีเทอร์เจนท์ที่มีการใส่ส่วนผสมต่าง ๆ "ตามธรรมชาติ" ลงไปเพื่อเร้าความสนใจของคุณ ว่าสบู่นี้จะช่วยดูแลรักษาสุขภาพผิวหน้าของคุณ โดยสารธรรมชาติที่มาหล่อเลี้ยงและเป็นอาหารให้กับผิวหนัง แท้จริงแล้วส่วนประกอบของสบู่พวกนี้ ไม่ได้แตกต่างไปจากสบู่ทั่วไปเลย ส่วนผสมของผลไม้ ผัก และสมุนไพร ที่แต่งเติมลงไป อาจช่วยทำให้สบู่มีกลิ่น มีสี ที่น่าใช้มากขึ้น แต่สารเหล่านี้โดยแท้จริงแล้ว ไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อผิวพรรณของเราเลย มีประโยชน์แต่กับผู้ผลิตคือรับทรัพย์กันไป เนื่องจากสบู่ประเภทนี้มีราคาสูง

 

     2. สบู่ขัดถู (Abrasive Soaps)

       สบู่ชนิดนี้จะมีเศษชิ้นส่วนเล็ก ๆ ปะปนอยู่ เมื่อคุณใช้สบู่ล้างหน้า ชิ้นส่วนเหล่านี้จะขัดถูผิวหน้าของคุณ จุดประสงค์ของการใส่ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ก็เพื่อขัดเอาชั้นขี้ไคล ซึ่งเป็นผิวหนังส่วนบนสุดออกไป โดยทั่วไปแล้วคนที่มีผิวปกติ ไม่สมควรใช้สบู่ประเภทนี้ เพราะใบหน้าของคุณจะแห้งและเกิดการระคายเคือง หากคุณเป็นคนผิวมันมากจริง ๆ สบู่ประเภทนี้อาจช่วยแก้ปัญหานี้ได้ ในกรณีที่ผิวหน้าของคุณมีสิว หรือมีการอักเสบอยู่ ห้ามใช้เด็ดขาด เพราะสบู่ประเภทนี้จะทำให้ทั้งสิวและใบหน้าที่อักเสบเกิดการระคายเคืองมากขึ้น

 

     3. สบู่ยา (Medicated Soaps)

       สบู่ชนิดนี้คุ้นหูคุ้นตาคนไทยพอสมควร สบู่ยาของด๊อกเตอร์นั้น ด๊อกเตอร์นี้ ที่มีโฆษณากันมากมาย สบู่ยาพวกนี้มีตัวยาประกอบอยู่ เช่น กำมะถัน กรดซาลิซิลิก เบนซอยล์เปอร์ออกไซด์ และยาฆ่าเชื้อโรค ซึ่งยาพวกนี้อาจใช้ได้ผลในการรักษาโรคผิวหนังบางอย่างจริง เมื่ออยู่ในรูปของครีมหรือโลชั่น แต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ยืนยันว่าตัวยาเหล่านี้เมื่อผสมกับเนื้อสบู่แล้วจะได้ผลประการใดต่อผิวหนัง เพราะเราฟอกสบู่เพียงชั่วครู่แล้วก็ล้างออก ยาจึงออกฤทธิ์ไม่ทัน ทั้งยังทำให้ผิวแห้งลง ระคายเคือง อักเสบได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

 

     4. สบู่ดับกลิ่นตัว (Deoderant Soaps) 

        สบู่ดับกลิ่นตัวนั้นตามปกติไม่ควรใช้บนใบหน้าของคุณ กลิ่นตัวเกิดจากการที่เชื้อแบคทีเรียย่อยสลายของเหลวที่ต่อมเหงื่อ อะโปครีนของคุณหลั่งออกมา สบู่ดับกลิ่นตัวก็คือสบู่ธรรมดา ๆ ที่เพิ่มยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียเข้าไป เพื่อยับยั้งไม่ให้แบคทีเรียที่เป็นตัวการทำให้เกิดกลิ่นบนผิวหนังของคุณทำงานได้ สบู่พวกนี้มักมีกลิ่นไม่หอม จึงมักมีการผสมน้ำหอมลงไปเพื่อดับกลิ่นยา เนื่องจากผิวหน้าของคุณไม่มีต่อมเหงื่อ อะโปครีน จึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะใช้สบู่ชนิดนี้ สบู่ดับกลิ่นตัวมักทำให้ผิวแห้ง แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มีกลิ่นตัว สบู่นี้ก็เหมาะที่จะใช้ถูตัวโดยเฉพาะบริเวณใต้วงแขน

 

       โดยสรุป หากคุณมีผิวหนังแห้งและอ่อนแอ คุณควรใช้สบูที่มีไขมันสูง ครีมล้างหน้าที่ไม่อุดตันรูขุมขน หากคุณเป็นคนผิวมัน ควรเลือกสบู่ที่ช่วยล้างทำความสะอาดได้ดี ไม่มีไขมันตกค้าง และไม่เป็นด่าง เพราะจะทำให้ผิวกร้านขึ้น ส่วนจะเลือกใช้ยี่ห้อใดก็อยู่ที่ใจปรารถนา พยายามอย่าใช้สบู่ที่มีส่วนประกอบที่ดูวิจิตรพิสดารเกินไป เพราะนอกจากจะราคาแพงเกินความจำเป็นแล้ว คุณสมบัติต่าง ๆ ที่ถูกนำมากล่าวอ้างก็มักเป็นเพียงการหลอกล่อให้คุณหลงซื้อหามาใช้เท่านั้น การใช้สบู่ ใช้เพื่อทำความสะอาด ช่วยขจัดสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย แต่จะไม่สามารถทำให้ผิวพรรณของคุณอ่อนเยาว์ลงได้ หรือไม่สามารถขจัดรอยเหี่ยวย่นออกไปได้ 

 

ข้อแนะนำทั่วไปในการใช้สบู่ล้างหน้าและอาบน้ำ

 

      1. ไม่ควรใช้สบู่บ่อยครั้งเกินไป และไม่ควรฟอกสบู่และขัดผิวอย่างรุนแรง เพราะจะยิ่งทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองง่าย ไม่ควรใช้สบู่ล้างหน้าเกินวันละ 2 ครั้ง

      2. ถ้าในระหว่างวัน คุณมีความรู้สึกว่าต้องล้างหน้าบ่อย ๆ มิฉะนั้นจะเกิดความรู้สึกว่าหน้าสกปรก คุณควรใช้เพียงน้ำเปล่าล้างหน้าเท่านั้น

      3. ไม่ควรอาบน้ำและล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น ผลของน้ำอุ่น สบู่ และการขัดถูผิวหนัง จะทำให้ผิวของคุณแห้งลง และเกิดการระคายเคือง คัน และอักเสบตามมา

      4. ในกรณีที่คุณมีผิวค่อนข้างแห้ง หลังอาบน้ำ ล้างหน้าแล้ว ควรใช้ครีมบำรุงให้ความชุ่มชื้นกับผิวด้วยทุกครั้ง

 

       หวังว่าบทความนี้จะมีส่วนช่วยให้คุณเลือกใช้สบู่ได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสมกับผิวพรรณของคุณ โดยไม่เคลิบเคลิ้มไปตามคำโฆษณาอีก...

 

 

แถม!!!

ขอเจ้าที่เจ้าทางก่อน

 

 

มามะ,,มาอาบน้ำกัน

 

อ๋อ,,ไม่ครับผมไม่ว่างครับฮะฮะ ,, เอาไว้วันหลังนะครับคุณลีน่า^^

v

v

v