5 มะเร็งร้าย กับวัยที่เปลี่ยนแปลง
คนเราพอเริ่มมีอายุมากขึ้นปัญหาสุขภาพต่างๆ ก็มีตามมาถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาคะ ใครใช้ร่างกายอย่างทะนุถนอม หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ได้ดีตั้งแต่หนุ่มๆก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง แต่หากใครละเลยแถมยังมีปัจจัยเสี่ยงเป็นของแถมคงต้องหาทางแก้ไขตั้งแต่วันนี้ เพราะบางทีอาจจะยังไม่สายจนเกินไป วันนี้หมอเอมขอเอาคอลัมน์ รู้ทันโรคมะเร็ง มาฝากเพื่อนๆโพสจังให้อ่านกันนะคะ
เราๆท่านๆ คงทราบดีแล้วว่า ปัญหา "มะเร็ง" นั้น มีมากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่านวัตกรรมการรักษาจะดีเพียงใด แต่หากเราไม่ดูแลร่างกาย ไม่ป้องกันก่อนที่จะเกิดโรค ก็ไม่มีใครสามารถมาการันตีได้ว่าถึงเวลานั้นคุณจะหายขาดได้หรือไม่ เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะแย่ป้องกันดีกว่าคะ
ที่ผ่านมาว่า มะเร็งยังคงเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่ง จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ภายในปี 2542-2554 นั้นมีคนเสียชีวิตจากโรคนี้ไปแล้ว 61,082 คน โดยพบว่าคนไทยนั้นเป็นโรคมะเร็งประมาณ 150 คน ต่อประชากร 1 แสนคน
ขณะที่องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่าในปี 2563 หรือในอีก 7 ปีข้างหน้า เราจะมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่เกือบ 1.5 แสนราย และปี 2573 หรืออีก 17 ปีข้างหน้า เราจะมีผู้ป่วยรายใหม่กว่า 1.7 แสนรายเลยนะคะ
นี่เป็นเพียงการคาดการณ์ แต่ของจริงที่จะเกิดในอนาคตเชื่อว่าต้องมากกว่านี้แน่ๆคะ
ลองไปดูกันว่า มะเร็งที่ต้องระมัดระวังกันเป็นพิเศษในช่วงที่เราอายุมากขึ้นนั้นมีอะไรกันบ้าง
1) มะเร็งตับ ปัจจุบันพบว่า มะเร็งชนิดนี้ พบมากอันดับ 1 ในเพศชายและอันดับ 2 ในเพศหญิง ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ คือ ไวรัสตับอักเสบ ร้อยละ 75 - 80 โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบบีและซี มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับสูงกว่าคนที่ไม่มีพาหะ 100-400 เท่าเชียวนะคะ รู้แบบนี้แล้ว ต้องเลี่ยงสารก่อมะเร็งที่มีพิษต่อตับ เช่น สารอะฟลาท็อกซิน ซึ่งเกิดจากเชื้อราบางชนิดพบในอาหารประเภทถั่ว ข้าวโพด พริกแห้ง เป็นต้น รวมทั้งตรวจว่าเรามีไวรัสตับอักเสบหรือไม่เพื่อจะได้รู้และป้องกันอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ หากเบื่ออาหาร แน่นท้อง ท้องผูก รู้สึกอ่อนเพลีย น้ำหนักลดลง มีอาการปวดชายโครงด้านขวาต้องรีบไปพบแพทย์ทันทีเลยนะคะ
2) มะเร็งปอด พบในเพศชายและเพศหญิงมีโอกาสเกือบเท่ากัน แต่เพศชายจะพบมากกว่า ต้องขอเตือนไว้ว่า มะเร็งชนิดนี้ตรวจพบในระยะแรกได้ยากมากคะ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือสิงห์อมควัน สารพิษจากแอสเบสตอส (แร่ใยหิน) ซึ่งยังใช้อยู่ในอุตสาหกรรมหลายประเภท ซึ่งสารชนิดนี้ไม่ได้ทำให้เราเป็นมะเร็งในระยะเวลาชั่วข้ามคืนคะ แต่จะค่อยๆสะสมจนกลายเป็นมะเร็งในที่สุด จากสถิติที่สำคัญคนที่สูบบุหรี่และทำงานกับฝุ่นแร่ใยหิน (เช่น ฝ้าเพดาน กระเบื้องมุงหลังคาที่ยังมีแร่ใยหิน ผ้าเบรก คลัช เหมืองแร่ ฯลฯ) จะเสี่ยงต่อมะเร็งปอดมากกว่าคนปกติ 90 เท่าเลยนะคะ หากไอ เสมหะมีเลือด น้ำหนักลด เบื่ออาหาร อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจว่าเราเป็นมะเร็งปอดหรือป่าว
3) มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่พบมากที่สุดในผู้หญิงไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะคนที่มีเพศสัมพันธ์กับชายหลายคน มีกิ๊ก มีคู่นอนหลายคน รวมทั้ง การมีเพศสัมพันธ์ในตอนที่อายุยังน้อย ปัจจัยเหล่านี้ จะทำให้เสี่ยงต่อเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก เชื้อ HPV นี้ ยังสามารถเกิดกับคนที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักได้เช่นกันคะ แนวทางสำคัญ จึงอยู่ที่การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ อย่าอาย เพราะเมื่อไม่ไปตรวจถ้าเป็นขึ้นมามันก็อาจสายเกินแก้แล้วนะคะ
4) มะเร็งเต้านม แม้จะเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ 80-90% แต่ต้องตรวจพบและทำการรักษาในระยะเริ่มแรกเท่านั้นคะ แต่เราก็ยังเห็นผู้หญิงเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านมมากขึ้นทุกปี เพราะเหตุนี้เรา จึงขอเน้นย้ำให้ผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไปควรไปตรวจเต้านมกันคะ
ด้วยการทำแมมโมแกรมปีละ 1 ครั้ง ป้องกันด้วยการเลี่ยงทานอาหารที่มีไขมันสูงๆ การตรวจเต้านมด้วยตัวเองเดือนละ 1 ครั้ง เป็นประจำหลังหมดประเดือน ที่สำคัญ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ร่างกายมีภูมิป้องกันมะเร็งทุกชนิด รวมทั้งลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้ถึง 37% เลยนะคะ
5) มะเร็งลำไส้และทวารหนัก วิถีการกินในรูปแบบที่เปลี่ยนไปของคนในปัจจุบันโดยเฉพาะไขมันสูงๆ ทำให้อัตราการเกิดมะเร็งลำไส้และทวารหนักมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ จึงมีความจำเป็นโดยควรเริ่มตั้งแต่อายุ 50 - 75 ปี นอกจากนี้ ผู้ที่บิดา-มารดาหรือพี่น้องท้องเดียวกันมีประวัติโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยเฉพาะขณะที่มีอายุน้อย ผู้ที่มีประวัติมีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์อาจต้องเริ่มตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ก่อนอายุ 50 ปี วิธีการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เชื่อถือได้และวงการแพทย์แนะนำ คือ การตรวจหาเลือดในอุจจาระ (fecal occult blood testing) และการส่องกล้องทางทวารหนักและลำไส้ใหญ่ (sigmoidoscopy หรือ colonoscopy)
การหมั่นสังเกตตัวเอง การตรวจคัดกรองก่อนการเกิดโรค รวมทั้งการรักษาอย่างทันท่วงทีจะทำให้เราหายขาดและไม่เสียชีวิตจากโรคนี้... ป้องกัน ดีกว่ารักษาแน่นอนคะ